โดย แพทย์จีน มาลิน ปิยะชินวรรณ ที่ปรึกษาสุขภาพโดยแพทย์ทางเลือก
เมื่อพูดถึงยาจีน โดยทั่วไปอาจนึกถึงภาพถ้วยที่มีน้ำสีชาแก่ กลิ่นแรง รสขมฝาดเฝื่อน กลืนกินลำบาก จึงมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ไม่นิยมยาหม้อสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรจีนหรือสมุนไพรไทย แต่ปัจจุบัน จากการพัฒนาไปของการแพทย์แผนจีน ผ่านการวิจัยค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองและการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ทำให้ยาสมุนไพรจีนเป็นแบบทันสมัยมีความละเอียดประณีตยิ่งขึ้น ได้รับการพัฒนาและผลิตออกมาในรูปแบบของยาเม็ด ยาผง ยาน้ำ ยาฉีด พลาสเตอร์ยา และครีมทาภายนอก เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถบริโภคยาจีนได้สะดวกและง่ายดายขึ้น ยาสมุนไพรจีนจึงเป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วยในการดูแลบำรุงสุขภาพ และในการรักษาโรค
ในประเทศจีน การบำรุงร่างกาย รักษาโรคด้วยสมุนไพรมีประวัติอันยาวนานนับพันปี ประวัติศาสตร์จีนในแต่ละยุคมีการสะสมประสบการณ์การแพทย์แผนจีน และมีการถ่ายทอดตำรับยาจีนที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ไว้มากมาย มีการบันทึกไว้ในตำราต่างๆ ของจีน และได้รับการถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้
บทบาทสมุนไพรจีนกับโรคมะเร็ง} ในกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็ง การรักษาโดย การผ่าตัด ฉายแสง และเคมีบำบัด ถือเป็นการรักษาหลักที่มีความจำเป็น แพทย์แผนปัจจุบันจะให้คำปรึกษาและพิจารณาใช้การรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล แต่ผลการรักษามักมีผลกระทบต่อร่างกาย อาทิ ทำให้เลือดลมและสมรรถภาพของระบบต่างๆ ในร่างกายถูกบั่นทอน ผู้ป่วยจะมีสุขภาพอ่อนแอ การนำสมุนไพรจีนมาเยียวยารักษาผู้ป่วยควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน จะให้ผลช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยแผนปัจจุบันแต่เพียงอย่างเดียว สมุนไพรจีนยังช่วยลดความเจ็บปวดทรมานจากอาการโรคและจากผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี เมื่อเซลล์มะเร็งถูกจู่โจมทำลายขณะเดียวกันระบบภูมิคุ้มกันได้ถูกเสริมสร้างขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น
การตรวจวิเคราะห์ผู้ป่วยของแพทย์แผนจีน การนำยาสมุนไพรมาใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ก่อนอื่นแพทย์ต้องวิเคราะห์สมมุติฐานของโรคโดยใช้หลักการแพทย์แผนจีน คือ เปี้ยนเจิ้งลุ่นจื้อ (辩证轮治) สาเหตุการก่อให้เกิด มะเร็งตามทัศนะของการแพทย์แผนจีนเห็นว่า มะเร็งเกิดจาก การติดขัดของชี่ (气滞) เลือดคั่งจับเป็นก้อน (血瘀) พิษร้อน (热血) การอุดตันของเสมหะ (痰阻)
หลักการรักษาโรคของแพทย์จีน ยึดแนวทางการรักษาแบบองค์รวม รักษาสิ่งที่ดีไว้และขจัดของเสียที่เป็นพิษออกไป ปรับสมดุลของร่างกาย โดยแบ่งเป็น 4 แนวทางการรักษา ดังนี้ 1) ขับร้อนถอนพิษ 2) กระจายเลือดคั่ง ทำให้เลือดไหลเวียนได้คล่อง 3) ระงับปวด สลายก้อนเนื้อ 4) เสริมชี่ บำรุงเลือด เสริมหยวนชี่ในร่างกาย
ข้อดีในการใช้สมุนไพรจีนต้านมะเร็ง ได้แก่
1. แนวทางแบบองค์รวม ใช้สมุนไพรรักษาโดยคำนึงถึงสภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย ไม่ใช่มุ่งเน้นรักษาแต่ก้อนเนื้องอกในร่างกายผู้ป่วย เพราะถึงแม้เนื้องอกจะเกิดเฉพาะที่ แต่แท้จริงแล้วโรคเกิดเพราะร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการพร่อง การรักษาสาเหตุของโรคด้วยยาจีนจะไม่กระทบกระเทือนถึงสภาพร่างกายทั่วไปของผู้ป่วย
2. บรรเทาความทุกข์ทรมานที่ได้รับจากผลข้างเคียงของการผ่าตัด การฉายแสงหรือเคมีบำบัด ทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิผลของการผ่าตัด การฉายแสง หรือเคมีบำบัด
3. ผลข้างเคียงน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย ไม่ส่งผลกระทบต่อไขกระดูกหรือระบบการย่อย
4. ไม่กระทบกระเทือนต่อการใช้แรงงาน เมื่ออาการเฉพาะส่วนดีขึ้น สุขภาพโดยรวมก็จะได้รับการปรับฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้น ผู้ป่วยจึงสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ผลตอบสนองการใช้สมุนไพรจีนต่อเซลล์มะเร็ง จากประสบการณ์การรักษาทางคลินิกและการวิจัยค้นคว้าในห้องทดลองในประเทศจีน พบผลตอบสนองการใช้สมุนไพรจีนต่อเซลล์มะเร็งแสดงออกหลายด้าน ดังนี้
1. ส่งผลต่อการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ (DNA) และโปรตีนของเซลล์มะเร็ง ตลอดจนวัฏจักรการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะเซลล์มะเร็งในระยะต้นและระยะกลาง การแพทย์จีนค้นพบว่า สารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) ในโสมคน สามารถหยุดยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของเซลล์มะเร็งตับในระยะต้นได้ เป็นต้น
2. ยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง ตัวยาจีนหลายชนิดที่มีสรรพคุณต้านมะเร็ง และยาจีนที่ใช้ค้ำจุนลมปราณหลักของร่างกาย ตลอดจนตำรับยาหลายตำรับ มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงการหมุนเวียนของดีเอ็นเอและโปรตีนในเซลล์มะเร็ง
3. ต้านตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง สภาพแวดล้อมของตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งมีความสำคัญยิ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีตัวยาที่ไปต่อต้านตัวกระตุ้นนี้
4. ส่งผลกระทบต่อความมีชีวิตชีวาของเอนไซม์ Telomerase ในเซลล์มะเร็ง Telomerase เป็นเอนไซม์ RNA ชนิดหนึ่งที่ช่วยยืดอายุของเซลล์มะเร็ง ถ้าเซลล์มะเร็งขาดเอ็นไซม์ตัวนี้จะไม่สามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ ดังนั้นจึงมีการค้นคว้าหนทางในการรักษามะเร็งโดยการยับยั้งเอ็นไซม์ตัวนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติ (เซลล์ดี)
5. ชักนำให้เซลล์มะเร็งสลายและตายในที่สุด การตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) หมายถึง การที่ร่างกายปกป้องสภาวะคงที่ของสภาพแวดล้อมภายใน ผ่านการกระตุ้นกลไกทางพันธุกรรม (ที่สำคัญ คือ กระตุ้น DNA + Endo nuclease) ทำให้เกิดกระบวนการที่เซลล์สลายและตายไปเอง ความหมายก็คือ (1) ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างเซลล์ที่เกิดใหม่กับเซลล์ที่ตายไป เพื่อให้ปริมาณของเซลล์คงที่ (2) ขจัดเซลล์ที่ถูกทำลายหรือเซลล์เสื่อมสภาพ ป้องกันการแปรเปลี่ยนของเซลล์ (3) รักษาความมั่นคงของระบบภูมิคุ้มกันตัว ยาสมุนไพรที่มีบทบาทเด่นในด้านนี้ ได้แก่ เทียนฮวาเฟิ่น ซึ่งมีส่วนประกอบของ Trichosanthin
6. ชักนำให้เซลล์มะเร็งแยกสลาย ลักษณะพิเศษคือ ไม่ใช่เป็นการประหัตประหารเซลล์มะเร็ง แต่เป็นการชักนำให้เซลล์มะเร็งแยกสลายแปรเปลี่ยนเป็นเซลล์ปกติ หรือใกล้เคียงกับเซลล์ปกติ กระทั่งเป็นเซลล์ต้านมะเร็ง
7. ส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนและส่วนประกอบทางเคมีในเซลล์มะเร็ง สารโพลีแซคคาร์ไรด์ในสมุนไพรจีน อาทิ ฝูหลิง สามารถยับยั้งการแพร่ขยายของเซลล์มะเร็งโดยอาศัยบทบาทดังกล่าวข้างต้น
8. เสริมสมรรถภาพภูมิคุ้มกันในการต้านก้อนเนื้องอก มียาสมุนไพรจีนหลายชนิดสามารถกระตุ้นเซลล์คุ้มกันของร่างกาย ร่างกายคนเราเป็นองค์รวม ระบบภูมิคุ้มกันมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับระบบประสาทและระบบสารคัดหลั่งภายใน ยาสมุนไพรจีนสามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังระบบประสาทและระบบสารคัดหลั่งภายใน ขณะเดียวกันก็สามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาท และระบบสารคัดหลั่งภายในโดยตรง และจะส่งผลกระทบต่อไปยังระบบภูมิคุ้มกันโดยทางอ้อม
จากบทบาทของสมุนไพรจีนดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า ยาจีนแสดงบทบาทในทุกชั้น ทุกตำแหน่งของร่างกาย ในการทำลายหรือยับยั้งเซลล์มะเร็ง แพทย์จีนส่วนมากจะใช้ตัวยาหลายชนิดจัดเป็นตำรับยาในการป้องกันรักษาโรค ดังนั้นสรรพคุณของตัวยาจึงมีความหลากหลายสลับซับซ้อน นี่เป็นเอกลักษณ์และข้อดีของการใช้สมุนไพรจีน กอปรกับยาจีนมีผลข้างเคียงน้อยมาก เมื่อใช้ควบคู่กับการฉายแสงและเคมีบำบัด จะมีบทบาทในการบรรเทาพิษและเสริมผลการรักษา ทั้งยังลดการบาดเจ็บของร่างกายในกรณีผ่าตัด ช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วย ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
บทบาทสมุนไพรจีนกับการต้านมะเร็งแบ่งแยกตามสรรพคุณตัวยา สมุนไพรจีนที่ใช้ต้านมะเร็งแบ่งและแยกประเภทได้ตามสรรพคุณของตัวยาซึ่งผ่านการวิจัยค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และการทดลองทางคลินิกมาเป็นเวลานาน แยกบทบาทได้ดังนี้
1. บทบาทในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ได้แก่ ยาเซิงหนานซิง เอ๋อจู๋ เซิงชวนอู มู่เซียง เสวียนหู ขู่โต้วจื่อ ตงฉงเซี่ยเฉ่า ชิงไต้ เป็นต้น
2. บทบาทในการปรับระบบหมุนเวียน เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอจากการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ช่วยเสริมสมรรถภาพภูมิคุ้มกันร่างกาย ได้แก่ หลงขุย ตังกุยหรือโกศเชียง ตานเซิน ไป๋อิง เป็นต้น
3. บทบาทในการเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เซลล์พิฆาตแข็งแกร่งเพื่อกลืนกินเซลล์มะเร็ง ได้แก่ ตี้หวง หลินจือ โสมคน หวงฉี เช่อหวู่เจีย เทียนฮวาเฝิ่น ไป๋ฮวาเสอเสอเฉ่า ฝูหลิงตัวถาง เป็นต้น
ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น เป็นเพียงตัวยาเด่นๆ ที่นิยมใช้กันมาก แต่การใช้สมุนไพรจีนในการบำบัดรักษาโรคนั้นต้องให้ผู้ป่วยได้รับยาในปริมาณที่พอเพียงและอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลของการรักษา ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องได้รับการผ่าตัด หรือต้องรักษาด้วยการฉายแสงหรือเคมีบำบัด สามารถใช้ยาสมุนไพรจีนได้ทั้งก่อนการรักษา ระหว่างการรักษา และหลังการรักษาแผนปัจจุบัน (ระยะฟื้นฟู) อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลข้างเคียงที่เป็นพิษจากการฉายแสงหรือเคมีบำบัด และการบอบช้ำจากการผ่าตัดเพื่อให้สุขภาพฟื้นฟูโดยเร็ววัน
การทดลองทางคลินิกในประเทศจีน พบว่าการใช้สมุนไพรจีนควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยลงได้ 94.7% ช่วยให้เจริญอาหาร 91.7% ช่วยให้การกลืนอาหารดีขึ้น 88.9% นอกจากนี้ยังพบว่า
- การใช้สมุนไพรจีนก่อนการผ่าตัดจะช่วยให้ก้อนเนื้อหดเล็กลง ช่วยเสริมให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะไม่ต้องเปิดปากแผลกว้างมาก ลดความกังวลใจของผู้ป่วยทั้งยังช่วยในการสมานบาดแผลที่ผ่าตัดให้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ถ้ากินสมุนไพรจีนควบคู่กับการฉายแสงหรือเคมีบำบัด จะช่วยเสริมประสิทธิผลของแผนปัจจุบันและลดอาการข้างเคียงเช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย แผลเปื่อยในช่องปาก โลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ ผมร่วง อ่อนเพลีย เป็นต้น
การฉายแสงหรือเคมีบำบัด ยังคงมีความสำคัญ อย่างมากในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันนี้ ดังนั้นถ้าได้ใช้ควบคู่กับการกินสมุนไพรจีนก็จะช่วยลดและบรรเทาผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นดังกล่าว จากการทดลองและค้นคว้าทางคลินิกในประเทศจีนยังพบว่า ผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยการฉายแสงจะมีผลการรักษา 87.7% แต่ถ้ารักษาควบคู่กับการกินสมุนไพรจีนผลการรักษาจะดีขึ้นถึง 100% บางรายอาการดีขึ้น 98.3%
จากข้อดีและบทบาทของสมุนไพรจีน ในอนาคตอันใกล้นี้สมุนไพรจีนจะเป็นที่แพร่หลายและนำมาใช้ในการดูแลบำรุงสุขภาพ นำมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคกันมากยิ่งขึ้น เป็นทางเลือกที่สำคัญอีกสาขาหนึ่งในประเทศไทย
Credit : siamca |